10 วิธีเลือก Theme WordPress ให้เว็บโหลดเร็ว Friendly กับการใช้งาน

วิธีเลือก Theme WordPress

การเลือก Theme WordPress ทำเว็บไซต์

เมื่อสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การเฟ้นหา Theme WordPress ที่ใช้งานง่าย เหมาะกับรูปแบบเว็บของเราค่ะ 

ใครที่เขียนโค้ดเก่ง ก็สามารถสร้าง Theme WordPress เก๋ ๆ ไว้ใช้งานเองได้ แบบไม่ซ้ำใคร ! แต่ถ้าใครเป็นแบบเมย์ ที่เขียนโค้ดไม่เป็น ไม่รู้เรื่องการสร้างธีมเว็บ การใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการซื้อ Theme WordPress จบกว่าค่ะ

บทความนี้เมย์จะมาแชร์วิธีเลือก Theme WordPress ว่าธีมเวิร์ดเพรสที่ดีมีลักษณะอย่างไร ? ควรใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกบ้าง ? ติดตามอ่านกันได้ค่ะ

ทำไมต้องเลือก Theme WordPress ให้ดีก่อนสร้างเว็บ ?

สาเหตุที่ควรเลือก Theme WordPress ให้เหมาะสม ก่อนทำเว็บไซต์ WordPress เมย์สรุปไว้ตามนี้ค่ะ

  • มีผลต่อความเร็วเว็บไซต์ เลือกพลาด เสี่ยงหนักหน้าเว็บ
  • มีผลกับระบบความปลอดภัยเว็บไซต์ ยากต่อการ Hack
  • เพื่อให้การแสดงผลหน้าเว็บ รองรับทุกอุปกรณ์การใช้งาน
  • สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับ User
  • เพื่อให้ธีมรองรับการปรับแต่ง และพัฒนาในอนาคต
  • สามารถรองรับการใช้งาน Plugin ยอดนิยมได้
  • มีผลต่อโครงสร้าง SEO ที่ทำอันดับบน Search Engine (Google)
  • จะได้รับการอัปเดต Version จากผู้พัฒนา Theme อย่างต่อเนื่อง

Theme WordPress ที่ดี มีลักษณะอย่างไร ?

Theme WordPress ที่ดี ควรมีพื้นฐาน 3 ข้อนี้ค่ะ

  1. รองรับทุกอุปกรณ์การใช้งาน (Responsive Design)
  2. โหลดเร็ว (Fast Loading Speeds)
  3. โค้ดที่ใช้สร้าง Theme อ่านง่าย มีระเบียบ ไม่ซับซ้อน (Clean Code)

หากธีมเวิร์ดเพรสที่เล็งไว้ ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งไป ให้มองหาธีมใหม่ที่เจ๋งกว่าทันที !

แนะนำวิธีเลือก Theme WordPress จากประสบการณ์ใช้งานจริง

1. Theme รองรับทุกอุปกรณ์การใช้งาน

ก่อนเลือกซื้อ Theme WordPress แบบไหนก็ตาม จำเป็นต้องเช็กให้ดีค่ะ ว่าธีมเราเลือกรองรับการแสดงผลทุกอุปกรณ์การใช้งานหรือไม่ (Responsive Design) ต้องครอบคลุมทั้ง

  • มือถือ (Mobile) 
  • คอมพิวเตอร์ (Desktop)
  • แท็บเลต (Tablet)
Theme รองรับทุกอุปกรณ์การใช้งาน
ตัวอย่างธีม Arolax ที่รองรับ Responsive Design

โดยเฉพาะการแสดงผลบนอุปกรณ์มือถือ เพราะพฤติกรรมคนส่วนใหญ่ในยุคนี้แทบจะใช้มือถือแทนคอมฯ กันแล้วค่ะ หากธีมเวิร์ดเพรสไม่รองรับอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง เท่ากับว่าเราพลาดโอกาสในการเข้าถึง User ไป

การเลือก Theme WordPress ที่เป็น Responsive Design แต่ต้น จะช่วยลดปัญหาการดีไซน์ซ้ำซ้อนได้ค่ะ เพราะการแสดงผลไม่รองรับ เช่น ข้อความเกิน ปุ่มเบี้ยว ข้อความเล็กเกินไปได้ ฯลฯ

Tips

แนะนำให้เปิด Demo Theme WordPress ผ่านคอมพิวเตอร์, Laptop, Mobile, Tablet ฯลฯ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อตรวจสอบว่ารองรับทุกการแสดงผลหรือไม่ 

2. โหลดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

ดีไซน์เว็บสวย ใช้งานง่าย แต่โหลดช้าเป็นเต่าคลาน แบบนี้ไม่มีประโยชน์ค่ะ !

Theme WordPress ที่ดีต้องโหลดเร็ว เพราะหากลูกเล่นเยอะเกินไป โหลดช้า มีโอกาสสูงค่ะที่คนจะกดออกจากเว็บไซต์ทันที บางคนรอแค่ 3 วินาที ก็กดปิดเว็บไปแล้ว 

ย่ิงเว็บโหลดไวมากเท่าไหร่ จะยิ่งสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดี UX (User Experiences) ให้กับ User ค่ะ และยังส่งผลดีต่อ SEO ด้วย (ความเร็วเป็นส่วนนึงของ Core Web Vitals อีกเกณฑ์จัดอันดับ SEO)

Theme โหลดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
ตัวอย่างความเร็ว Theme Newspaper

Tips

  • เลือกซื้อ Theme WordPress ยังไงให้โหลดไว ?
  • เช็ก PageSpeed Insights ก่อนตัดสินใจซื้อเลี่ยงการใช้ Theme ที่มี Effect เยอะเกินความจำเป็น

3. รองรับการใช้งาน Web Browser เจ้าดัง

ปัจจุบันมีคนไทยเกิน 60 ล้านค่ะ จะมาใช้ Web Browser เหมือนกันทั้งหมด ย่อมเป็นไปไม่ได้ค่ะ

ในฐานะคนทำเว็บไซต์ WordPress มาก่อน เมย์ขอแนะนำว่าให้เลือก Theme WordPress ที่ใช้งานได้ดีบนเว็บบราวเซอร์ยอดนิยม เช่น Chrome, Safari, Firefox ฯลฯ จะช่วยลดโอกาสเกิด Error ได้

บางธีมเปิดใน Chrome อย่างแจ่ม แต่พอเปิดผ่าน Browser อื่น ๆ การแสดงผลเพี้ยนไปจากเดิมก็มีค่ะ แบบนี้ต้องเสียเวลามานั่งแก้ CSS เฉพาะจุดอีก

Tips

แนะนำให้เปิด Theme Demo ผ่านเว็บบราวเซอร์ต่าง ๆ + อ่านรีวิวผู้ซื้อ Theme WordPress

4. Support การใช้งาน Plugin ที่นิยมใช้งาน

ใครที่สร้างเว็บ WordPress แต่ไม่เก่งโค้ดแบบเมย์ ต้องเช็กให้ชัวร์นะคะ ว่า Theme WordPress ที่เล็งไว้รองรับการเชื่อมต่อ Plugin สำคัญ และ Page Builder ที่เราต้องการใช้หรือไม่

ปลั๊กอินที่คิดว่าใช้งานบ่อย ๆ เช่น

  • Yoast SEO / Rank Math
  • Woo Commerce
  • Page Builder เช่น UX Builder / Elementor

เพราะเมย์เคยมีประสบการณ์ใช้ Theme WordPress ที่ไม่รองรับ Plugin ที่ต้องการค่ะ ส่งผลให้เว็บเกิดปัญหาทันที เช่น เว็บเข้าไม่ได้ การแสดงผลเพี้ยน ฯลฯ สุดท้ายก็เสียเวลาปรับแก้ และถึงขั้นเปลี่ยนธีมใหม่ไปเลยค่ะ

ถ้าไม่อยากพลาดแบบเมย์ ควรตรวจสอบประเด็นนี้ก่อนซื้อ Theme เสมอนะคะ

Tips

  • แนวทางตรวจสอบว่า Theme WordPress รองรับปลั๊กอินหรือไม่ ?
  • เช็กว่า Theme รองรับปลั๊กอินตัวไหนบ้างตรวจสอบรีวิว ว่ามีคนบ่นเรื่อง Plugin Conflict ไหม ?
  • ทดสอบ Plugin ที่ต้องการใช้ บนเว็บ Demo ก่อนลงเว็บจริง

5. Clean Code โครงสร้างไม่ซับซ้อน

Clean Code คือ Theme WordPress ที่เขียนออกมาด้วยโครงสร้างไม่ซับซ้อน จัดเรียงโค้ดเป็นระบบ อารมณ์ประมาณว่าถ้าคนเก่งโค้ดอีกคนมาทำ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนเก่าเขียนยังไง ทำแบบไหน

เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างเข้าใจง่าย ปราศจากโค้ดซ้ำซ้อน จะทำให้เว็บไซต์เราโหลดเร็ว มีความเสถียร ลดโอกาสเกิดบั๊ก ที่สำคัญยังง่ายต่อการพัฒนาต่อในอนาคตค่ะ 

ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อ Theme ลองเช็กส่วนนี้ให้ดีก่อนเสมอนะคะ จะได้ไม่ต้องปวดหัวในระยะยาว

Theme Clean Code โครงสร้างไม่ซับซ้อน
ตัวอย่าง Theme Clean Code Flatsome

6. เช็ก Page Builder ที่มาพร้อม Theme

Theme WordPress บางอันมาพร้อมกับ Page Builder ค่ะ เช่น WPBakery, UX Builder, Elementor ฯลฯ

อธิบายแบบง่าย ๆ Page Builder คือ เครื่องมือสร้างหน้าเว็บแบบลากวาง (Drag & Drop) ใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด (ใครเก่งโค้ดก็เขียนโค้ดปรับแก้หลังบ้านเองได้)

ในการเลือกซื้อ Theme WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ ควรเลือก Page Builder ที่สามารถเข้ากับธีมเวิร์ดเพรสได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องติดตั้ง Page Builder ซ้ำซ้อน เพราะจะส่งผลต่อ Layout การแสดงผล อาจเกิดปัญหาเว็บหน่วง โหลดช้า Layout พังได้ค่ะ

Tips

  • เช็กว่า Page Builder ที่มาพร้อม Theme ใช้งานง่ายไหม ?
  • ลากวางแล้วยังต้องเขียนโค้ด ปรับแก้เพิ่มเองหรือไม่ ?
  • มี Tutorial หรือ Community ให้ศึกษาการใช้งานเพิ่มไหม ?

7. ต้องอัปเดต Theme เป็นประจำ

ข้อนี้สำคัญมากค่ะ ขีดเส้นใต้ย้ำไว้เลย Theme WordPress ที่ดีต้องมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง !

เพราะเวอร์ชัน WordPress, Plugin หรือภาษาเขียนเว็บมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่ะ ถ้าธีม-ปลั๊กอินที่ใช้งานขาดการอัปเดต มีโอกาสสูงมากค่ะ ที่เว็บไซต์จะมีช่องโหว่ เสี่ยงต่อการโดนแฮกได้

ต้องอัปเดต Theme เป็นประจำ

และจากประสบการณ์ตรงของเมย์ ที่เคยใช้ Theme WordPress ที่ขาดการอัปเดต ผลคือ หลังเราอัปเดต Version WordPress เรียบร้อยแล้ว หน้าเว็บไปหวันเลยค่ะ เว็บบางหน้า Layout เพี้ยน เสียทรงไปเลย สุดท้ายทำใหม่ยังง่ายกว่าแก้ของเดิมอีกค่ะ

-Tips-

  • ตรวจสอบประวัติการอัปเดตก่อนซื้อ Theme เสมอ ว่าอัปเดตล่าสุดเมื่อไหร่ อัปเดตถี่แค่ไหน ?
  • อ่านรีวิวจากผู้ซื้อค่ะ ว่าอัปเดตแล้วเกิดปัญหาด้านการใช้งานหรือไม่ ?

8. มีรีวิว / Feedback จากผู้ใช้งานจริง

การเลือกซื้อ Theme WordPress ก็เหมือนกับการซื้อของผ่าน Shopee แหละค่ะ ที่ควรดูรีวิวประกอบเสมอ ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินซื้อ

หากเป็นการซื้อธีมเวิร์ดเพรสผ่าน Theme Forest จะมีรีวิวผู้ใช้งาน + ความเห็นบอกค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยไล่เรียงดูจากวันที่ล่าสุดได้เลย ทำให้เราเห็นชัดเจนค่ะ ว่าผู้ใช้งานจริงมีความเห็นอย่างไร

ส่วนถ้าใครซื้อผ่านช่องทางอื่น สามารถดูรีวิวได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook, Youtube

มีรีวิว Feedback จากผู้ใช้งานจริง
Theme มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริง

9. มี Community สำหรับพูดคุย / ปรึกษา

สมัยนี้เรา Connect กันได้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ การเลือกใช้งาน Theme WordPress ที่คนนิยมใช้ มักจะมี Community กลุ่มคนที่ใช้งานจริงคอย Support เราเมื่อติดปัญหาการใช้งาน เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งหัดสร้าง WordPress มาก ๆ ค่ะ

การสอบถามปัญหาผ่านคอมมูเมย์ว่าเจ๋งตรงที่ไม่ต้องรอคำตอบนาน แบบการถามผ่าน Support แถมบางแพลตฟอร์มปกปิดตัวตนได้อีกค่ะ

ตัวอย่างคอมมูที่คนนิยมพูดคุยปรึกษาเรื่องการใช้งาน Theme WordPress เช่น Facebook Group, Discord, Reddit ฯลฯ

นอกจากนี้ Theme WordPress บางอัน ยังมีลิงก์แนะนำสำหรับเข้า Community เพื่อปรึกษาปัญหาอีกด้วย

10. มีช่องทางฟรีสำหรับศึกษาวิธีใช้งาน

นอกจาก Theme WordPress จะใช้งานง่ายแล้ว ควรมีคู่มือใช้งาน (Documentation) หรือ บทความสอนใช้ให้ผู้ใช้งานมือใหม่เข้ามาศึกษาด้วยค่ะ ว่ามีขั้นตอนการติดตั้งอย่างไร Step ต่อไปเป็นแบบไหน

ที่เมย์เคยใช้งานบางธีมมา พบว่าบางเจ้าจะมีช่อง Youtube แนะนำการใช้งาน และฟีเจอร์ต่าง ๆ ของธีม และ Page Builder ที่มากับธีมด้วยค่ะ ทำให้สมัยนู้นที่เพิ่งเริ่มทำเว็บใหม่ ๆ เข้าใจการใช้งานมากขึ้น ลดเวลางมหาข้อมูลไปได้พอตัว

สรุปเรื่องแนวทางวิธีเลือก Theme WordPress

ทั้งหมดนี้ คือ วิธีเลือก Theme WordPress ที่เมย์มองว่าน่าหยิบเอาไปพิจารณาตอนเราเลือกซื้อธีมเว็บ เพื่อให้ได้ธีมเวิร์ดเพรสที่ตอบโจทย์กับรูปแบบเว็บไซต์ ใช้งานง่าย ไม่หนักเว็บจนเกินไป ไหน ๆ เสียเงินทั้งที ก็ควรเลือกให้ดีหน่อยเนอะ เพราะราคาก็ไม่ใช่ถูก ๆ นี่นา

สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้ในเว็บ May Pattha จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ 

ถ้าอ่านแล้วได้ไอเดีย หรือนำไปใช้ได้สักนิดก็ถือว่าคุ้มกับที่เมย์เขียนแล้วค่ะ 🙂